จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมและพระป่าออกมาทำนายจุดซ่อนเสื้อ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ โดยผ่านมา 32 วันแล้วแต่ก็ยังหาไม่พบ
ทั้งนี้เมื่อทีมข่าวสรุปความเชื่อเรื่องการตัดผมของน้องชมพู่ ปรากฏว่าแม่เชื่อเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ ขณะที่นายเข้ม หมอธรรม และพ่อผลเจริญธรรม เชื่อว่าเป็นการสะกดวิญญาณ ส่วนเณรแอ เชื่อว่าเป็นของขลัง เช่น น้ำมันพราย
ล่าสุดวันที่ 12 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปพูดคุยกับ นายกรพันธุ์ การสมพรต หรือแจ็ค กุมารทอง เปิดเผยว่า ตามความเชื่อ ด้านไสยศาสตร์-ไสยดำ หากนำเส้นผมเด็กตายโหงมา จะสามารถนำไปทำพิธีสะกดวิญาณ หรือเป็นการสะกดดวงวิญญาณไม่ให้สามารถไปบอก หรือเข้าฝันใครได้ว่าเสียชีวิตอยู่บริเวณไหน หรือใครเป็นคนฆ่า ตามตำนานโบราณสิ่งเหล้านี้ มีมานานแล้วตั้งแต่อดีต ผู้ที่มีวิชาหรือเรียนรู้วิชาเหล่านี้มา ก็จะสามารถนำไปใช้ทำพิธีสะกดวิญญาณได้ ซึ่งวิธีสะกดวิญญาณ สามารถทำได้ 3 วิธีด้วยกัน
1.การนำเส้นผมของคนตาย หรือผิวหนังบางส่วน หรืออวัยวะเพศของคนตาย มาปั้นผสมทำเป็นหุ่น ผูกติดพันกับสายสิญจน์ ก่อนท่องคาถาสะกดหุ่นให้เชื่อฟัง
2.การท่วงน้ำ อาจจะใช้ประกอบกับอิฐ หิน หรือหม้อดิน เป็นต้น ก่อนนำไปท่วงน้ำเสมือนเป็นการสะกดดวงวิญญาณ และลดพลังงานของดวงวิญญาณ ไม่ให้ไปบอกผู้อื่น ไม่ให้รู้ได้ว่าใครเป็นคนฆ่า หรือตายด้วยสาเหตุอะไร
3.การฝัง โดยนำเส้นผมฝังไว้ใต้ดิน ก่อนท่องคาถาสะกดดวงวิญญาณ ไว้ใต้ดินใช้ของแข็งปิดทับ และท่องคาถากำบังไว้
แจ็ค กุมารทอง ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นถึงจะเป็นเรื่องไสยศาสตร์มนตร์ดำ ก็ยังมีทางแก้ แต่ทางแก้ก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ “ต้องหาโจรให้เจอ” เพื่อให้ชี้จุดตำแหน่งของคุณไสยที่ทำว่าอยู่ตำแหน่งบริเวณไหน จึงจะพบศพ ของน้องชมพู่
โดยตนเชื่อว่า ผู้ที่กระทำผิด อยู่ไม่ไกลจากบ้านของน้องชมพู ซึ่งผู้ก่อเหตุมีอายุวัยกลางคน แต่ตนไม่สามารถบอกชี้ชัดโดยตรงได้เลยว่าเป็นใคร แต่ผู้ที่ทำเป็นผู้ที่อยู่บริเวณคนใกล้ตัวน้อง แฝงตัวเป็นคนดีอยู่แถวนั้นแน่นอน
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ได้พูดคุยกับ น.ส.อุไรพร เงินนาม อายุ 37 ปี แม่ค้าในหมู่บ้าน เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 พ.ค.63 ซึ่งเป็นวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ตนเชื่อว่าอาจจะมีอาถรรพ์บางอย่างเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ซึ่งช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. มีข่าวว่าน้องชมพู่หายตัวไป ตอนนั้นชาวบ้านก็ยังไม่แตกตื่น แต่ก็ยอมรับว่าท้องฟ้าค่อนข้างครึ้มฟ้าครึ้มฝนนิดหน่อย
กระทั่งเวลา 10.00 น. เมื่อคนในหมู่บ้านเริ่มรู้กันมากขึ้น ว่าน้องชมพู่หายตัวไป และมารวมตัวเพื่อช่วยค้นหา ลมก็เริ่มแรงขึ้น ครึ้มฟ้าครึ้มฝน บรรยากาศมืดเหมือนตอนช่วงหัวค่ำ เวลา 18.00 น. และฝนก็เริ่มตก เหมือนตกมาเป็นอุปสรรคต่อชาวบ้านที่ตามหาน้องชมพู่ได้ไม่เต็มที่ เพราะชาวบ้านก็ไม่กล้าขึ้นเขาไปตามหา เนื่องจากกลัวพายุ อีกทั้งไฟก็ดับ 2 ชม. ทำให้ผู้ใหญ่บ้านไม่สามารถประกาศเสียงตามสายได้ ตนเชื่อว่ามีบางอย่างมากีดขวาง แต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับไสยศาสตร์หรือไม่ แต่เชื่อว่าคนร้ายอาจมีอาคมมนตร์ดำทำให้ฝนตก รวมถึงดวงของน้องชมพู่อาจจะอ่อน หมดอายุขัย ทำให้ไม่มีใครช่วยน้องได้เลย
น.ส.อุไรพร กล่าวต่อว่า โดยปกติเมื่อพายุมาไฟก็จะดับอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าอายุของน้องชมพู่มาถึงแค่นี้ จึงทำให้เกิดอุปสรรคทางธรรมชาติ และสิ่งที่น่าแปลกในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 12-14 พ.ค.63 ที่ทุกคนตามหาน้องชมพู่ กลับมีแดดแรง ไม่มีพายุ ซึ่งแดดแรงทำให้เกิดอุปสรรคในการค้นหาอีก เพราะชาวบ้านร้อน และฝนตกอีกครั้งช่วงบ่ายในวันที่ 14 พ.ค.63 และหยุดตกเวลา 17.00 น. ก่อนที่จะเจอรองเท้าน้องชมพู่ และพบศพในเวลาต่อมา
ชมคลิป