หนุ่มโพสต์ สรุปไทมไลน์การติดโควิด-19 เผยเป็นโรคที่ติดง่ายมาก โชคดีคนในครอบครัวไม่ติด!

หนุ่มงง! สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือทุกครั้ง ก็ยังติดโควิด เผยเป็นโรคที่ติดง่ายมากๆ โชคดีที่ไม่มีคนในครอบครัวติดด้วย พร้อมขอบคุณ รพ.วิภาราม-ชัยปราการ ที่ดูแลอย่างดี

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Jassada Pornsomboonsiri ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 11 เม.ย.63 ที่ผ่านมา เล่าเรื่องราวหลังจากที่เขาติดโควิด-19 สรุปเป็นไทม์ไลน์ตั้งแต่ตรวจเจอเชื้อ การรักษาเป็นอย่างไร จนกระทั่งรักษาหายดี หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ พร้อมเผยว่า โควิด-19 ในมุมของเขาเป็นโรคที่ติดง่ายมากๆ

“สรุป Timeline Covid 19
18 – 19 มี.ค. เริ่มไอเล็กน้อยแต่ยังไม่มีไข้ เลยนึกว่าเป็นจากฝุ่นตามปกติ คืนวันที่ 19 มีอาการกรดไหลย้อน(น่าจะจากอาหารไม่ย่อย)

20 มี.ค. เริ่มมีไอและจามตั้งแต่เช้า เลยใส่หน้ากากทั้งวัน(อันนี้ช่วยได้เยอะ ไม่งั้นคงมีคนติดอีกเพียบ) ตอนเที่ยงหลังกินข้าวรู้สึกมีไข้ต่ำๆ เลยกินยาลดไข้ แต่ก้อไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่

21 มี.ค. ไปหามอที่ รพ. หมอบอกโพรงจมูกอักเสบมาก น่าจะเกิดจากกรดไหลย้อน แต่หมอก้อไม่ฟันธงว่าไม่เป็นโควิด เพราะอาการมันก็คล้ายๆกัน หมอให้กลับไปสังเกตอาการ ถ้ามีไข้สูงและไอมาก ให้มาตรวจโควิดอีกที หมอจ่ายยาแก้อักเสบกับแก้ไอแก้คัดจมูกให้ พอกลับบ้านเริ่มแยกห้องกับคนอื่นๆเพราะไม่แน่ใจว่าเป็นโควิดไหม

22-24 มี.ค. หลังกินยาแก้อักเสบที่ได้มา อาการไข้ก็หายไป จนดูเหมือนปกติ

affaliate-2

25 มี.ค. ตอนเช้ารู้สึกปวดเมื่อยตัวและมีไข้ราวๆ 37.6 และเริ่มรับรสกับกลิ่นไม่ได้ เลยตัดสินใจลงทะเบียนตรวจโควิดที่ รพ. ราม แต่ได้คิวตรวจวันเสาร์ที่ 28

26-27 มี.ค. มีอาการไข้ขึ้นๆลงๆ บางครั้งกินยาแล้วไข้ไม่ลง
เย็นวันที่ 27 มีนัดพบหมอไว้ ไปตรวจอาการแล้วหมอบอก เปอเซนต์เป็นโควิดสูงเพราะอาการมันใช่ ก่อนกลับหมอให้ xray ปอด ผลมีฝ้าที่ปอดด้านล่างเล็กน้อยทั้งสองข้าง คือมีอาการปอดอักเสบแล้ว แต่สรุปไม่ได้ว่าเป็นโควิดไหมต้องรอตรวจอย่างเดียว

28 มี.ค. ไปตรวจโควิดที่ รพ. รามตอนแปดโมงเช้า เป็นตรวจแบบไดรฟ์ทรู มีคนมาตรวจกันเยอะรถต่อกันราวๆยี่สิบคันได้ ค่าตรวจ 6500 บ. พอถึงจุดเขาก็จะเอาสำลีแยงจมูกและไม้ปาดในลำคอเพื่อเก็บตัวอย่าง ใช้เวลาเก็บตัวอย่างแป้บเดียว แต่เข้าคิวรอนานมากเกือบๆ ชม. นึงได้ กลับบ้านมา คืนนี้ไข้ขึ้นสูง 38.5 ถึง 39 กินยาลดไข้พอนสแตน ไข้ก็ไม่ลด( ปกติแพ้พาราเซตามอลเพราะเคยกินไทรีนอลแล้วมีผื่นขึ้นเลยพยายามเลี่ยง) จนเวลาเที่ยงคืนตัดสินใจเอาพาราที่ซื้อมาจากเมกามากินดู เพราะมีหมอเคยบอกว่าเราอาจแพ้แค่ตัวที่ทำให้ยาขึ้นรูปไม่ใช่ตัวยาพาราเอง หลังกินไปได้ครึ่งชม. ไข้ลดลงมากเหงื่อออกเยอะมาก ถ้าไม่กินพารารอบนี้น่าจะแย่ โชคดีที่ไม่แพ้ยาตัวนี้

29 มี.ค. ราวๆสักเก้าโมงเช้ามีโทรศัพท์มาแจ้งผล และถามเราว่าจะไป รพ.ที่เขาโคไว้ไหม (รพ.วิภาราม-ชัยปราการ) หลังจากคุยกับที่บ้านเราเลยตกลงว่าไปที่นี่แหละ เพราะกลัว รพ. รัฐใหญ่ๆจะไม่มีห้อง เลยโทรไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่บอกว่าน่าจะได้ห้องช่วงบ่ายหรือไม่ก็เช้าวันพรุ่งนี้ ราวๆบ่ายสี่เจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่าได้ห้องแล้ว เลยให้ รพ. ส่งรถมารับที่บ้านเลย ราวๆห้าโมงเย็นรถก็มารับที่บ้าน เป็นรถพยาบาลทั่วไป ใช้เวลาไม่ถึงชม.ก็ถึง รพ. วิภาราม-ชัยปราการ เมื่อมาถึงก็มีเจ้าหน้าที่ใส่ชุด PPE มาพาไปที่ห้อง เมื่อถึงห้องเจ้าหน้าที่ได้ให้เครื่องวัดระดับออกซิเจนและปรอทวัดไข้ไว้ โดยเราจะต้องวัดค่าและส่งให้พยาบาลทาง line ทุกๆ 3 ชม. จากนั้นเราก็ได้ส่ง xray จาก รพ.รามให้เจ้าหน้าที่ เย็นนั้นได้คุยกับคุณหมอทางโทรศัพท์ หมอเลยให้เราเริ่มยาต้านไวรัสในคืนนั้นเลย เพราะเชื้อเริ่มลงปอดแล้ว คืนนั้นยังมีไข้อ่อนๆอยู่ หลังทานข้าวเลยต้องกินพาราเพิ่ม ราวๆสามทุ่มเจ้าหน้าที่เอายาต้านไวรัสมาให้ เป็นตัวยาต้านมาลาเรียชื่อ chloroquine (ยาตัวนี้ช่วยลดการเพิ่มจำนวนไวรัสโควิดในร่างกายได้ครับ ทำให้ภูมิคุ้มกันตามปกติพอจะสู้กับไวรัสไหว) หลังทานมีอาการมึนหัวนิดๆ

30 มี.ค. ตื่นมามีอาการมึนๆแต่ไม่มีไข้แล้ว เริ่มมีอาการเบื่ออาหารและเวลาทานข้าวจะรู้สึกว่ากลืนยากมากๆเหมือนน้ำลายมีน้อยกว่าปกติ อาหารที่ รพ. เป็นอาหารกล่องแช่แข็งของ ezgo ปกติทานได้ไม่มีปัญหา แต่นี่กว่าจะกินหมดแต่ละมื้อใช้ความพยายามสูงมาก

affaliate-2

31 มี.ค. – 3 เม.ย. ไม่มีอาการไข้แล้ว ทุกวันจะได้ยาต้านไวรัส 2 dose อาการที่เหลือคือไอมีเสมหะ ท้องเสีย และมึนหัวแทบตลอดเวลา ช่วงนี้เหมือนสมองเบลอๆมาก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ไม่สามารถโฟกัสอะไรได้เลย ลองพยายามอ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่อง ได้แต่นอนไปเรื่อยๆ เป็นช่วงที่อึดอัดมาก ช่วงนี้มี xray ซ้ำเพื่อดูอาการ ผลที่ได้ฝ้าที่มีไม่ได้เพิ่มขึ้น

4 เม.ย. เริ่มหยุดยาต้านไวรัส หลังจากได้ยามา 10 dose ช่วงนี้อาการต่างๆเริ่มดีขึ้น มึนหัวน้อยลง และไม่มีอาการเบื่ออาหารแล้ว จะเหลือแค่อาการไอมีเสมหะแค่เล็กน้อย

6 เม.ย. อาการต่างๆเหมือนจะปกติ เหลือไอนิดหน่อย มี xray ซ้ำ หมอบอกเหลือฝ้าที่ปอดซ้ายอีกนิดหน่อย ที่เหลือแค่รอให้ครบ 14 วัน

affaliate-2

10 เม.ย. มี xray ซ้ำเพื่อดูอาการ ผลที่ได้หมอบอกมีฝ้าเพิ่มนิดหน่อย เลยต้องให้อยู่ รพ. เพิ่มอีก 48 ชม. เพื่อดูอาการ เพราะกลัวว่าจะอาการทรุดลงเวลากลับไปบ้าน แต่อาการอื่นๆไม่มีอะไรเลยนอกจากไอนิดหน่อย

11 เม.ย. เช้ามี xray ซ้ำเพื่อดูอาการ ตอนบ่ายแก่ๆ พยาบาลโทรแจ้งผลว่าดีขึ้นเหลือฝ้าเล็กน้อย หมอเลยให้กลับบ้านได้ สรุปได้กลับบ้านเร็วขึ้นครึ่งวัน

สรุปโรคโควิดในมุมผมเป็นโรคที่ติดง่ายมาก ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ไปที่เสี่ยงหรือมีคนใกล้ตัวที่เป็น ในความรู้สึกจุดเสี่ยงสุดที่คิดออกคือขนส่งสาธารณะ เพราะรถเมล์กับเรือคลองแสนแสบที่นั่งช่วงนั้นคนแน่นและอากาศค่อนข้างร้อนไม่ถ่ายเท แต่ปกติเวลาขึ้นรถขึ้นเรือหรือรถไฟฟ้า เราก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา เวลาถึงบ้านหรือออฟฟิศก็ล้างมือทุกครั้ง นึกไม่ออกจริงๆว่าไปติดตอนไหน ติดได้ยังไง บางทีอาจจะเป็นแค่ตอนปาดเหงื่อที่หน้าหรือบางครั้งที่เราเผลอโดนตาเวลาขยับแว่นก็อาจจะเป็นไปได้ ครั้งนี้โชคดีมากๆที่ไม่มีคนใกล้ตัวติดจากเราเลย เหตุการณ์นี้สอนให้เรารู้อย่างแท้จริงว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ หลังจากนี้ก็ต้องกลับมากักตัวต่ออีก 14 วันที่บ้าน เฮ้อ มันช่างยาวนานเหลือเกิน

ขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคนที่ส่งกำลังใจให้ครับ
ขอให้ทุกคนสุขภาพกายสุขภาพใจแข็งแรง อดทนอีกนิดครับเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้

หลายๆคนถามมานะครับว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ การรักษาครั้งนี้ของผมรัฐออกค่าห้อง รพ. ให้ครับ เท่าที่ทราบมาที่ รพ. วิภาราม-ชัยปราการค่าห้องคืนละ 1500 ส่วนค่ารักษาผมใช้ประกันสังคมกับประกันกลุ่มของบริษัทแต่ตัวเลขค่ารักษาไม่ทราบครับ ไม่ได้จ่ายเพิ่มเองครับ ของที่ รพ. ที่ผมไปไม่มีการตรวจเชื้อซ้ำหลังจากออกมาครับ คุณหมออธิบายว่าส่วนใหญ่ในระยะ 1 เดือนหลังพบเชื้อครั้งแรกถ้าไปตรวจจะยังเจอครับ เพราะการตรวจบอกได้แค่ว่าในร่างกายเรามีสารพันธุกรรมไวรัสอยู่ไหม ถ้าไม่มีอาการไข้หรืออื่นๆแล้ว ปกติร่างกายจะใช้เวลาราวๆ 1-2 เดือนในการขับซากไวรัสออกหมดครับ ระยะเวลาแล้วแต่คนครับ แต่โดยทั่วไปถ้าไม่มีอาการใดๆหลัง 8 วันจากวันที่พบเชื้อครั้งแรกเชื้อในร่างกายน่าจะตายหมดไม่แพร่ให้คนอื่นแล้วครับ ของไทยเราหมอเขาเผื่อไว้ให้เป็น 1 เดือนไปเลยเพราะข้อมูลไวรัสนี้ยังมีไม่มากครับ

ปล. ขอขอบคุณ บุคคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ รพ. วิภาราม-ชัยปราการด้วยครับที่ช่วยดูแลตลอดเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้แทบจะไม่เคยเห็นหน้ากันเลยครับ เพราะทุกคนต้องใส่ชุด PPE ตลอด”

ขอบคุณที่มา : ข่าวเพจอีจัน

affaliate-2

error: Content is protected !!