สำหรับคดีน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ กว่า 75 วันแล้ว ยังคงเป็นปริศนาจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุไม่ได้ เนื่องจากยังมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเร่งหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำไปสรุปคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว ล่าสุดทางด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผู้การแต้ม มือปราบหูดำ และ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญวิทยาฯ ม.รังสิต ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า จากหลักฐานที่พบในครั้งนี้ จะต้องหาว่าเป็นเส้นขนหรือเส้นผมของใคร ซึ่งสามารถตรวจหาดีเอ็นเอเพื่อเทียบเคียงกับผู้ต้องสงสัย เพื่อหาตัวคนร้ายได้ ส่วนเส้นผมของน้องชมพู่ที่ถูกตัด ก็จะเกิดคำถามว่า น้องชมพู่สามารถตัดผมเองได้หรือไม่ หากว่าทำไม่ได้ แสดงว่ามีคนตัด
ต่อมาต้องหาว่าผมถูกตัดบริเวณที่พบศพ หรือว่าตัดที่อื่น หากตัดบริเวณจุดพบศพก็แสดงว่ามีผู้ที่พาน้องชมพู่ขึ้นไป อีกอย่างคือต้องหาสาเหตุว่าการตัดนั้น ตัดเพื่ออะไร หรืออาจจะเป็นการตัดเพื่อประกอบพิธีกรรมบางอย่าง ซึ่งหลักฐานพวกนี้ก็จะเป็นช่องทางให้ตำรวจไขคดีได้ ด้าน รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวเสริมว่า ประการแรกต้องหาให้ได้ก่อนว่าผมถูกตัดก่อนหรือหลังเสียชีวิต
โดยจะต้องถามผู้ที่พบศพน้องคนแรกว่า น้องถูกตัดผมแล้วหรือยัง หากพบว่าถูกตัดก่อนแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าน้องถูกทำให้เสียชีวิต โดยคนร้ายอาจจะมีความเชื่อว่าเป็นการสะกดวิญญาณ
ผู้การหูดำเปิดเผยว่า สมมติว่าน้องชมพู่ถอดเสื้อและกางเกงเองได้ แล้วเสื้อที่ถอดนั้นหายไปไหน ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่พยายามตามหาเสื้อของน้องชมพู่ในบริเวณนั้น แต่ไม่พบ แสดงว่ามีคนหยิบเสื้อไป หากจะสันนิษฐานว่าคนร้ายถอดเสื้อน้องชมพู่ แล้วนำมาสวมมือ เพื่อไม่ให้มีดีเอ็นเอติดขณะที่ถอดกางเกงน้องชมพู่ แล้วเอากางเกงวางไว้ และนำเสื้อหนีไป ซึ่งหากทำแบบดังกล่าวก็จะไม่มีดีเอ็นเอคนร้ายติดอยู่ที่กางเกงน้องชมพู่
รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ ให้ข้อมูลสอดรับกันว่า หากพ่อแม่ยืนยันว่าน้องถอดกางเกงไม่ได้ แต่ที่เกิดเหตุพบเสื้อผ้าของน้องชมพู่อยู่บริเวณใกล้เคียง แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น แต่ถ้าหากน้องชมพู่ถอดเสื้อผ้าเองได้ ก็ต้องตรวจสอบว่าทำไมกางเกงถึงกางอยู่ในสภาพนั้น โดยประเด็นที่สำคัญ คือทำไมน้องชมพู่จะต้องถอดกางเกง
หากสันนิษฐานว่าน้องชมพู่ต้องการจะปัสสาวะ หรืออุจจาระ ก็จะต้องดูว่าบริเวณนั้นมีร่องรอยเหล่านี้หรือไม่ หากว่าไม่พบก็แสดงว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น จึงมีแนวโน้มว่าน้องชมพู่อาจจะไม่ได้เสียชีวิตเอง
อย่างไรก็ตามหากมีคนร้ายทำร้ายน้องชมพู่จริง ขอให้จับตัวได้โดยเร็ว แต่หากพยานหลักฐานชี้ชัดว่าน้องชมพู่เสียชีวิตเอง ก็ต้องยอมรับการตัดสินจากคดีนี้