กลายเป็นคดีดัง ที่คนในสังคมให้ความสนใจและอยากรู้บทสรุปมากที่สุดในขณะนี้ สำหรับคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ที่แม้เวลาผ่านไปนานเกือบ 60 วัน แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายตัวจริงได้สำเร็จ เพราะคดีนี้มีความซับซ้อนและต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศตร์
นางสาวิตรี แม่ของ น้องชมพู่ ได้ออกมาเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อลุงพลตอนนี้ว่า ตอนนี้ตนยังไม่ขอเจอหน้าลุงพล เพราะตอนนี้ประเด็นปัญหาของตนและลุงพล กำลังเป็นประเด็นร้อน ที่สังคมให้ความสนใจ ทุกคนกำลังร้อน เพราะทะเลาะกัน ตนไม่พร้อมที่จะเจอลุงพลตอนนี้ เจอกันตอนนี้ ตนกลัวว่าจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน จนเรื่องราวบานปลายมากกว่าเดิม
ล่าสุดลุงพลถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากมีผู้ใจบุญ เเละชาวบ้านมาช่วยปรับปรุงสร้างบ้านใหม่ให้ ธารน้ำใจหลั่งไหลเข้ามาอย่างมาขาดสาย พร้อมยืนยันว่า ไม่กลัวกระแส ที่คนจะมองว่าตนหากินกับชมพู่ สิ่งที่ตนทำไปนั้นทำด้วยใจ และคนที่เข้ามาให้กำลังใจตนก็มาเอง ไม่ต้องไปแสดงความน่าสงสาร มันคือชีวิตจริง ไม่ใช่ละคร
โดยเมื่อวันที่27ก.ค.63 ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง โดยเฉพาะที่บ้านลุงพล มีชาวจ.ร้อยเอ็ด เดินทางมา 9 คน ช่วงเช้าเดินทางมาตั้งแต่ตี 4 โดยมาผูกแขนให้ป้าแต๋น และมอบสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 ใบ หมายเลข 883653 พร้อมทั้งมอบเงินเป็นค่าขนมให้กับลูก ๆ ของลุงพลทั้ง 2 คน อีกทั้งยังมีการมีการส่งเสียงโห่ร้องไชโย ป้าแต๋นสู้ ๆ เป็นกำลังใจให้ครอบครัว ไม่นานก็มีรถบรรทุกทราย นำอุปกรณ์เพื่อมาต่อเติม สร้างบ้านให้บ้านลุงพลมาลงที่ข้างบ้าน เพื่อเตรียมการสร้างบ้าน หลังจากที่มาลงพื้นที่วัดขนาด มุม สัดส่วนต่าง ๆ ของบ้าน
มีทั้งปูน18ลูก ทรายโขง5 คิว หินกรวด 2คิว ประตูห้องน้ำ อิฐบล็อก 1.5พันก้อน เหล็ก15เส้นประตูไม้ เเละหน้าต่างเพื่อเอาไว้ใช้ในการปรับปรุงสร้างบ้านใหม่ให้ลุงพลเเลพครอบครัว
ด้านลุงพล นายไชย์พล วิภา ล่าวว่า ตอนแรกเห็นว่าช่างจะมาวันนี้ แต่คนที่จะสร้างบ้านให้บอกว่า ช่างไม่ว่างวันนี้ จึงคิดว่าจะมาพรุ่งนี้ ซึ่งบอกว่าจะมีการก่อกำแพง ติดประตู หน้าต่าง โดยผู้ใจบุญบอกว่า “ทำให้ลุงสบายใจ หากออกไปกรีดยางหรือไปทำงาน ตนคงไม่ได้ให้ใหญ่โต ตนก็เกรงใจ ซึ่งคน ๆ นี้ก็ดีมาก ๆ ลุงพลถึงขั้นน้ำตาคลออีกครั้ง ระบุว่า ไม่เชื่อว่าเราจะได้รับ ชีวิตนี้ตนเคยเจอครั้งหนึ่งตอนออกรถ มีคนมอบทุนให้ไปออกรถ
ทั้งนี้ตนไม่กลัวกระแสว่าคนจะมองว่าตนหากินกับชมพู่ไหม ตนยืนยันว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้น ตนทำด้วยใจ และคนที่เข้ามาให้กำลังใจตนก็มาเอง ตนไม่ต้องไปแสดงความน่าสงสาร มันไม่จำเป็น มันคือชีวิตจริง ไม่ใช่ละคร ซึ่งหลายคนระบุว่า ไม่อยากให้คนแบบเราถูกทอดทิ้ง