สืบเนื่องจากคดีการหายตัวไปของน้องชมพู่ หนูน้อยวัย 3 ขวบ ก่อนถูกพบเป็นศพนอนเสียชีวิตในสภาพเปลือยบนเนินเขาห่างจากบ้านประมาณ 4 กม. ทุกคนไม่ปักใจเชื่อว่าน้องจะเดินขึ้นเขาเองได้ ขณะที่ลุงพล ซึ่งเป็นคนพาศพน้องชมพู่มาตรวจชันสูตรรอบ 2 ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เครียดจัดถึงขั้นโกนผมและคิ้วตามความเชื่อ
ล่าสุด วันที่ 17 มิถุนายน รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดยพิธีกร หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมวิดีโอคอลหาลุงพล
มันเป็นคดีที่น่าหนักใจมั้ย สำหรับคดีน้องชมพู่ เหตุการณ์ผ่านมาเดือนกว่า ?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : ต้องเรียนว่าพื้นที่ที่เป็นที่เกิดเหตุ ผมเคยรับราชการที่นั่น นั่นเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ผมออกมาพูดให้สัมภาษณ์สื่อบางช่อง ผมพูดชัดเจนว่าพื้นที่นั้นเป้นอย่างไร สภาพอากาศเป็นอย่างไร เป็นป่าเขาอย่างไร แล้วเหตุที่เกิด โอกาสที่จะแสวงหาหลักฐานข้อมูลพิสูจน์ความผิดไม่ง่าย ตรงนี้คือประเด็นสำคัญที่สุด
ผมรับเชิญคุณหนุ่มมาด้วยเหตุผลว่าอยากให้สังคมและสื่อทุกแห่ง ลองฟังจากปากกผม โดยไม่ต้องไปแปลงสาร เพราะในฐานะครูบาอาจารย์ตำรวจ จะพูดอะไรต้องรอบคอบ มีหลักวิชาประกอบ ไม่ใช่พูดชุ่ยๆ นึกอยากพูดอะไรก็พูด ต้องเรียนว่าตร. ได้ทำงานตามความเป็นจริง ไม่ได้ทำตามกระแสสื่อหรือสังคม
ฉะนั้น บทเรียนที่ผ่านมาหลายครั้งที่ตร.ทำอะไรผิดพลาดก็ถูกตำหนิติเตียน ตร.ยุคนี้ ที่พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดาเป็นผู้บัญชาการตร. เราระดมทรัพยากรบุคคลเท่าที่เราคิดว่ามีความรู้ความสามารถมาช่วยกัน
คดีนี้อยากจะเรียนให้พี่น้องทราบว่าเราใช้ทรัพยากรบุคคลมากที่สุด เชื่อมั้ยว่าเราดึงคนที่มีความรู้ความชำนาญในการสืบสวนในป่า จาก 3 จังหวัดชาายแดนภาคใต้ มาร่วมงานด้วย ในการตามหาคดีน้อง
ชุดนี้ถือว่าเก่งมั้ย?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : เก่งครับ เหตุเกิดที่ไหนอย่างไร ก็ต้องเป็นความถนัดจัดเจนของแต่ละบุคคล ทีมงานที่ลงไปทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะดึงมาจากภาคใต้อย่างเดียว การวิเคราะห์ข่าว การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆเราใช้คนที่มีประสบการณ์ จากนครบาลก็ไป เราระดมคนทั้งหมดไปอยู่ที่นั่น ต้องใช้คำว่า ปูพรมหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดว่าใครเป็นผู้ต้องหารายนี้
ผ่านไปเดือนกว่า ชุดนี้เก่งที่สุดแล้ว วันนี้ก็ยังปิดไม่ได้
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : เรายังไม่สามารถหาพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่า ใครเป็นผู้ต้องหารายนี้เลย จากการตรวจพิสูจน์ศพน้องชมพู่ ไม่ใช่2ครั้ง ตอนได้ศพน้องชมพู่ ไปตรวจครั้งแรกที่รพ.อำเภอ หมอลงความเห็นว่า ตายเพราะขาดน้ำ หรือฮีสโตรก
เพราะมุกดาหารเป็นดินแดนที่ร้อนที่สุด 40 องศา พฤษภาคมนี่ร้อนมาก ฉะนั้นเมื่อน้องชมพู่ ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น ก็ทำให้เสียชีวิตหลังจากที่เข้าป่าไป จะเป็นใครอุ้มไปอย่างไรก็ตาม แต่ที่สำคัญที่สุด ตัวน้องชมพู่หาหลักฐานคนอื่นเข้ามาไม่ได้เลย ดีเอ็นเอ เส้นผม เส้นขนไม่มีของคนอื่นที่มาแปลกปลอม
กำลังจะบอกว่าแยกเป็นสองมุม มุมนึงเป็นไปได้ว่าน้องอาจเสียชีวิตเองโดยไม่มีใครฆ่า อีกมุมอาจเป็นไปได้ว่าน้องจะขึ้นไปเองก็ได้ หรือมีคนอุ้มไปก็ได้?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : เป็นไปได้ทั้งสองมุม แต่มุมคนอุ้มไปเรายังหาหลักฐานไม่พบ ตรงนี้เป็นปัญหา เนื่องจาก การพิสูจน์หลักฐาน คดีนี้จะสาวถึงตัวคนร้ายได้ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่จะพิสูจน์
ตอนนี้ตัดเรื่องเอกสารไป เหลือวัตถุพยานกับพยานบุคคล พยานบุคคลก็แบ่งเป็นสองประเภท ประจักษ์พยานคือเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นตอนน้องชมพู่ถูกทำร้ายตาย กับพยานแวดล้อมกรณีเห็นน้องชมพู่เดินไปกับใครหรือเดินไปคนเดียว ทั้งหมดนี่ไม่มีเลย
มุมที่บอกว่าต้องพึ่งหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์อย่างเดียว
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : ตอนนี้มั่นใจว่าเฉพาะนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ เอามาตรวจดีเอ็นเอ ทุกอย่าง เส้นผม เส้นขน แม้กระทั่งกางเกงน้องชมพู่ที่มีคราบ ตอนต้นพิสูจน์หลักฐานดีใจว่าน่าจะมีดีเอ็นเอคนอื่น แต่เปล่าครับ กลายเป็นสารคัดหลั่งของน้องชมพู่
ยกตัวอย่างสั้นๆ คดีฆ่าแหม่มที่สมุย ตอนผมเป็นรองผบ. อันนั้นยังง่ายกว่าจากจุดนี้ไปจุดนี้ แหม่มจอยปาร์ตี้กับเพื่อน เดินชายหาดไปแล้วโดนข่มขืนที่โขดหิน ตร.ลงไป ทีมที่เก่งที่สุดคือท่านอัศวิน ผู้ว่ากทม. เดี๋ยวนี้ และท่านจักรทิพย์ ชัยจินดา ผมเป็นรองผบ. 3 อาทิตย์บินขึ้นบินลงไปแถลงข่าว
ตอนนั้นผมเป็นโฆษก ประจักษ์พยานไม่มี มีแต่พยานแวดล้อมที่เห็นว่าแหม่มลาแล้วเดินไป เชื่อมั้ยว่าร่องรอยต่างๆ ไม่มีเลย แต่เราได้ดีเอ็นเอในช่องคลอดของแหม่ม แล้วมันแยกมาได้เป็น 2 คน
จนกระทั่ง ท่านอัศวินและท่านจักรทิพย์ จูงมือกันเดินไปตอนกลางคืนตามไทม์ไลน์ที่แหม่มไป และไปหยุดอยู่ที่ชายหาดมองออกไปนอกทะเล ถึงได้เห็นแสงไฟ ท่านอัศวินเล่าให้ฟังเอง ถึงได้เอาคนเรือมาสอบ และดีเอ็นเอตรงกัน
ตรงนั้นยังมีดีเอ็นเอ แต่ตรงนี้ไม่มี?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : ไม่มี ปัญหาคือเราไม่สามารถหาหลักฐานได้ อยากเรียนให้ทราบคดีนี้ถ้าไม่มีดีเอ็นเอ ไม่มีอะไรพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ได้เลยว่าเป็นของใคร ใครมาเกี่ยวข้อง ก็ต้องปิดคดีไว้ก่อน ยังไม่หมดอายุความ
จนกว่าจะปรากฎขึ้นมาในอนาคตว่ามีใครกระทำควาาผิด แน่นอนเปิดคดีขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนสังคมที่กำลังตรวจสอบตร. ทำให้ตร.เป็นเป้ากระสุนตกอยู่ สำคัญที่สุดไม่ได้จบที่ชั้นตร. ต้องรวบรวมหลักฐาน ยังไม่มีผู้ต้องสงสัย ถ้ามีเพียงพอที่จะออกหมายจับก็แย่แล้ว
ตอนนี้เขาบอกลุงเป็นผู้ต้องสงสัย ลุงโกนหัวเลย?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : ผมว่ากระแสสังคมไปพาดพิง ยังพิสูจน์ไม่ได้ เพราะไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในตัวลุง ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่เกิดเหตุเลย
ข่าวที่ออกมาล่ะ?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : นั่นคือข่าว แต่ความจริงที่ปรากฎก็อย่าฟัง เพราะปากคนที่ออกไปสื่อสารยังแปรผันได้ ข่าวถูกเติมใส่สีตีไข่ไปได้เรื่อย เราต้องเอาความจริง พิสูจน์ความผิดคนผิดจริงๆ ไม่ใช่จับแกะแพะม้าล่อ อย่างนั้นตร.แย่ แล้วเรื่องไม่ได้จบที่ตร. ท่านทั้งหลายต้องทราบว่าต้องถูกส่งหลักฐานสำนวนการสอบสวนรวมทั้งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการ ตรวจดูว่าเพียงพอฟ้องศาลมั้ย ไปถึงศาล ศาลก็ต้องตัดสินอีก
ในมุมมองท่าน มองว่าน้องอาจเสียชีวิตเอง?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : มันมีประเด็นเดียว ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรอย่างอื่นเลย ก็มีรูนั้นออกรูเดียว
น้องเดินไปได้เองเหรอ?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : นั่นเป็นเรื่องที่เราคาดคะเนอะไรไม่ได้ แต่การไปจำลองเหตุการณ์ไม่ใช่ของจริง ไม่มีใครรู้ว่าในความเป็นจริงแล้ว เด็กเดินไปเองหรือใครอุ้มไป แต่ประเด็นใครอุ้มไปยังไม่มีหลักฐานเพียงพอพิสูจน์ได้ว่ามีคนอุ้มเด็กไป เราปฏิเสธไม่ได้
วิดีโอคอลหา ลุงพล ครั้งนึงเคยพาน้องชมพู่มาตรวจชันสูตรศพครั้งที่2 ไม่ถึงเดือนเป็นผู้ต้องสงสัย ตอนนี้ลุงตกเป็นผู้ต้องสงสัย?
ลุงพล : ครับ
อะไรเป็นที่มาของการที่ตร.บอกลุงเป็นผู้ต้องสงสัย?
ลุงพล : ไม่ทราบเหมือนกันครับ
เขาสงสัยว่าตัวลุงเอาเสื้อผ้าน้องขึ้นไปบนเขาตอนพบศพน้อง ประมาณว่าลุงรู้ได้ยังไงว่าน้องไม่ใส่เสื้อผ้า?
ลุงพล : เสื้อผ้าที่เตรียมไปให้ เป็นพ่อน้องชมพู่เตรียมให้ ไม่ใช่ลุงเตรียม พอดีพ่อน้องชมพู่ฝากให้ผมนำขึ้นไปให้ลูกสาวเขา
มีกรณีที่ลุงเองมีปัญหากับทางพ่อแม่น้องชมพู่ อาจนำมาซึ่งความโกรธแค้น กระทำเหตุแบบนี้ ลุงจะชี้แจงยังไง?
ลุงพล : สำหรับเรื่องครอบครัวน้องชมพู่กับครอบครัวผมไม่ได้มีอะไรทะเลาะกันถึงขนาดเป็นเรื่องเป็นราวถึงขั้นต้องทำอย่างนี้ แล้วอาศัยกันเวลาทำงาน ปีนี้ล่าสุดเขาก็ไปปลูกมัน ผมก็ไปช่วยเขาอยู่ ไม่ได้มีปัญหาอะไรรุนแรงขนาดนั้น
ลุงเองก็เครียด ทำไมถูกเรียกไปสอบบ่อยเหลือเกิน และถูกห้ามออกนอกพื้นที่?
ลุงพล : เครียดครับ วันที่ตรวจค้นรถ ก็เลยได้โกนผมไป
ทำไมถึงโกน?
ลุงพล : ผมมีความเชื่ออย่างถ้ามีสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิตก็ทำแบบนี้ เป็นการปลง
ได้คุยกับพ่อแม่น้องมั้ย?
ลุงพล : ตั้งแต่เผาน้องก็ไม่ค่อยได้คุยกัน
ปกติสนิทกันมั้ย?
ลุงพล : สนิทแบบพี่น้อง ถ้าเขามีอะไรให้ช่วยก็มาหาที่บ้าน
สนิทกับน้องชมพู่แค่ไหน?
ลุงพล : ทุกครั้งที่เขาอยากมาเล่นบ้านลุงก็จะบอกป้า กับน้องก็สนิท แต่ส่วนใหญ่ลุงไม่ค่อยได้อุ้มเท่าไหร่
คิดว่าน้องเดินไปบนเขาเองได้มั้ย?
ลุงพล : อันนี้ตอบไม่ได้ครับ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็พูดไปต่างๆ นานา ตอนแรกที่ผมเห็นสภาพน้อง ผมมั่นใจว่ายังไงน้องขึ้นไปเองไม่ได้เพราะมันสูงมาก ตอนนี้ก็ยังมั่นใจว่าน้องไม่น่าจะขึ้นไปเองได้ น่าจะมีคนพาขึ้นไป
ยังยืนยันคำตอบเดิม?
ลุงพล : ครับ ไม่ลังเลครับ เพราะรู้สึกว่าบริเวณที่น้องขึ้นไปอยู่ ตอนนั้นหญ้าไม่เขียวแบบนี้ เป็นที่โล่งๆ อากาศร้อนมาก ถ้าน้องขึ้นไปคงไม่ถึงจุดนั้นถ้าไปเอง ตอนแรกก็มั่นใจว่ายังไงก็ต้องมีคนพาขึ้นไป ทุกวันนี้ก็ยังคิดอยู่ว่าต้องมีคนพาขึ้นไป
กลัวว่าหลักฐานจะชี้มาที่ลุง และลุงจะกลายเป็นผู้ต้องหา?
ลุงพล : ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อกี้เจ้าหน้าที่ก็มาเอาหลักฐานไปเพิ่ม เป็นกระสอบสองใบ ถุงมือผ้าสองคู่และขนสุนัขบางส่วน
รถของลุงที่เคยมีอ้วกน้อง?
ลุงพล : มีครับ ส่วนตร.เอาไปด้วยมั้ย ผมไม่ได้เข้ามาดูที่รถ พิสูจน์หลักฐานเขาล้อมเอาไว้เลยไม่ได้เข้ามาดู
ภรรยาว่าไง?
ลุงพล : แฟนเป็นกังวลมากกว่าผม แต่ตอนนั้นผมเฉยๆ ไม่รู้จะมาตรวจที่รถเพื่ออะไร
ถ้าตรวจแล้วมีอะไรดีเอ็นเอ เหงื่อ เส้นผมหล่นอยู่ในบริเวณนั้นจะทำยังไง?
ลุงพล : ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อเจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นฝีมือผม ผมก็ต้องยอมรับไปตามสภาพ
ลุงจะไม่สู้เลยเหรอ?
ลุงพล : ก็สู้ในชั้นศาล ถึงจะสู้เขาได้
บอกพ่อแม่เขามั้ยว่าไม่ได้ทำ?
ลุงพล : ก็ยืนยันความบริสุทธิ์ตัวเองอยู่ เราก็รักหลานมากเหมือนกัน
บางคนบอกว่าสิ่งที่ลุงแสดงออก เหมือนแอ็กติ้ง สร้างประเด็นขึ้นมา มองยังไง?
ลุงพล : ผมก็อยากรู้ความรู้สึกคนที่พูด ทำไมถึงคิดว่าผมแสดง มันไม่ใช่ภาพยนตร์นะที่ผมจะทำแบบนั้น ผมก็ได้ยินมาบ้าง แต่ไม่อยากไปพาดพิงหรือพูดอะไร เพราะเขาไม่ได้เจอเรื่องแบบที่เราเจอ
วันนี้พ่อแม่น้องขึ้นมากรุงเทพมั้ย?
ลุงพล : ไม่ทราบเหมือนกันครับ ไม่ได้ติดต่อกันครับ
ทำไมไม่ไปพูดคุยกับแม่ว่าไม่ใช่เรา ไม่ไปปรึกษา พอเกิดเหตุมันแยกกันเหรอ?
ลุงพล : เราก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน ตั้งแต่เกิดเหตุ ผมก็อยู่ที่บ้านตลอด เจ้าหน้าที่มาผก็ให้ความร่วมมือตลอด ครอบครัวชมพู่ผมก็ไม่ได้เข้าไปหาเขา
คิดในใจมั้ยว่าคนร้ายเป็นใคร?
ลุงพล : ผมไม่ทราบครับ ผมไม่ใช่พ่อแม่น้องชมพู่ ผมตอบไม่ได้
วันนั้นลุงบอกมีในใจ?
ลุงพล : ที่คิดในใจเคยปรึกษาแม่น้องชมพู่ตอนคุยกันก่อนหน้านั้น อันนี้ได้มาจากพ่อแม่น้องชมพูว่าเขาสงสัยใคร ผมก็คิดในใจว่าถ้าพ่อแม่เขามั่นใจก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เขาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ครับ
ลุงออกจากพื้นที่ไม่ได้?
ลุงพล : เมื่อวานไปเยี่ยมแม่ ไปขอกำลังใจจากแม่มา
กอดแม่ร้องไห้?
ลุงพล : ครับ
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : แปลว่าผู้ต้องสงสัยที่สาหัสที่สุดคือลุงพล ในสายตาของสังคม สื่อ ไปให้ความสำคัญว่าลุงพลน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด เท่าที่ติดตามมา ผมจะไม่วิจารณ์สิ่งที่ลุงพลโต้ตอบกับคุณหนุ่ม แต่อยากจะเรียนว่าคดีนี้ต้องรออย่างเดียว คือรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์
โดยเฉพาะผลการตรวจศพน้องชมพู่ครั้งสุดท้ายของนิติเวช เพราะก่อนหน้านั้นได้ตรวจละเอียดแล้วว่าการตายน้องชมพู่ ไม่มีใครทำร้ายหรือข่มขืนประการใด ส่วนร่องรอยอย่างอื่น สภาพหลังจากนั้น ผิวหนังน้องก็เปลี่ยนแปลงไป
เสื้อน้องชมพู่ที่หายไป จะบอกอะไรได้มั้ย?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : จะบอกได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่ที่เจ้าหน้าที่หาพบหรือไม่
เป็นไปได้มั้ยว่าอาจเป็นหลักฐานสำคัญที่สุด?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : ขอให้เจอเถอะ ต้องเป็นหลักฐานเหมือนกับกางเกงที่น้องชมพู่ใส่
มีข่าวออกาว่า ถ้าเจอขนหรือผมของลุงในที่เกิดเหตุ เหงื่อต่างๆนานา DNAอยู่บนศพน้อง แต่ลุงบอกว่าตอนเขาเจอ เขาถอดเสื้อ เหงื่อกระเด็นไปโดนหรือเปล่า เขานั่งอยู่ใกล้มาก?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : นั่นคือข่าว แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในการตรวจน้องชมพู่อย่างละเอียด 2-3 ครั้งเว้นครั้งสุดท้ายไม่ปรากฎ ผมคุยกับผู้บังคับการจังหวัดมุกดาหาร ไม่ปรากฎที่ฟังๆเป็นเพียงแค่ข่าว
จะอย่างไรก็ตาม ไหนๆ มาวันนี้ จะเรียนให้ทราบว่ามีเส้นผม เส้นขนอยู่เส้นนึง ซึ่งตรวจว่าเป็นดีเอ็นเอน้องชมพู่ แต่พิสูจน์หลักฐานต้องการตรวจละเอียดอีกครั้งนึง ว่าเส้นผม เส้นขน ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่น่าจะเป็นของน้องชมพู่ ทั้งที่เป็นดีเอ็นเอเดียวกัน ต้องตรวจดูว่าตรงนี้เป็นของใครกันแน่
เอาชัดๆ กำลังจะบอกว่า ตร.พบเส้นขนหรือเส้นผม ตอนแรกบอกเป็นของน้องชมพู่ แต่ตอนนี้ตร.ขอเช็กอีกที เพราะอาจไม่ใช่ของน้องชมพู่ แต่เป็นดีเอ็นเอเดียวกัน?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ ผมเอาเรื่องที่ควรจะทราบมาแจ้งให้ แต่ต้องยืนยันความจริงอยู่อย่าง ตร.ทำงานเต็มที่ ไม่ปล่อยปละละเลย และไม่มีวันจับแกะแพะลาม้าล่อ ต้องพิสูจน์ได้ถึงชั้นศาล
ขอบคุณที่มา โหนกระแส