เมื่อวันที่ 27 ก.ค.63 ทีมข่าว ลงพื้นที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ได้พบกับนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า สำหรับกรณีเพจมุกดาหาร เคยลงข้อมูลว่าน้องชมพู่หายไปในเวลา 07.30 – 09.00 น. นั้นตนก็จำไม่ได้ว่าเคยให้ข้อมูลไปกับเพจ หรือญาติ ๆ เป็นคนให้ข้อมูล
แต่ตอนนี้ตนอยากอธิบายว่าตำรวจได้ตรวจเช็กเวลาที่น้องชมพู่หาย พบว่าเวลา 09.11 น. นั้น น้องชมพู่ยังมีการดูยูทูบอยู่ และทางตำรวจก็ได้บอกแล้วว่าน้องชมพู่น่าจะหายในเวลา 09.11 – 09.49 น. เพราะในเวลาสุดท้ายเป็นตอนที่น้องสะดิ้งหันไปหาและไม่เจอน้องชมพู่แล้ว ซึ่งเวลาพวกนี้เป็นสิ่งที่มีโทรศัพท์และโน้ตบุ๊กเป็นหลักฐานชัดเจน และตำรวจก็ได้รวบรวมข้อมูลไปหมดแล้ว ชัดเจนทุกอย่าง
นางสาวิตรี กล่าวต่อว่า เท่าที่ตนได้สอบถามเรื่องนี้กับน้องสะดิ้ง ลูกสาวก็ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ ได้เดินไปบอกป้าแต๋นเป็นคนแรกว่าน้องชมพู่หาย และตอนที่ป้าแต๋นโทรมาหาตน คือ เวลา 10.02 น. เมื่อน้องสะดิ้งคุยกับป้าแต๋นเสร็จ ก็เดินย้อนกลับเข้าซอยบ้าน พบนางแตงโมนั่งอยู่ที่เปลหน้าบ้าน และน้องสะดิ้งก็บอกป้าแตงโมในตอนนั้นว่าน้องชมพู่หาย ซึ่งตนเชื่อว่าตอนที่น้องสะดิ้งบอกกับป้าแตงโมนั้น จะต้องเป็นเวลาหลัง 10.02 น. แน่นอน
ส่วนกรณีที่มีคนอ้างว่าเห็นน้องสะดิ้งและน้องชมพู่เดินผ่านหน้าบ้านเวลา 07.30 น. นั้น ตนยืนยันว่าในช่วงเวลาดังกล่าว น้องสะดิ้งและน้องชมพู่อยู่ที่บ้านกับตน และยังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่เลย ซึ่งเรื่องนี้ช่างวาก็เป็นพยานได้ เพราะช่างวาอยู่ที่บ้านตนในเวลานั้นด้วย รวมถึงลุงแต เจ้าของร้านชำก็น่าจะเป็นพยานได้ว่าน้องสะดิ้งและน้องชมพู่ไปซื้อของในเวลาไหน ซึ่งตนคิดว่าถ้าใครพูดความจริง ก็ยังเป็นความจริงวันยังค่ำ
นางสาวิตรี ยังกล่าวอีกว่า แม้มีบางคนอาจมาตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าพ่อแม่ประมาทจนทำให้ลูกเสียชีวิต อาจจะมีการดำเนินคดีกับพ่อแม่ ซึ่งตนก็เคยกังวลกับเรื่องนี้ แต่ตนอยากชี้แจงว่าสาเหตุที่น้องชมพู่เสียชีวิตนั้นไม่ได้เกิดจากความประมาทของพ่อแม่ เพราะน้องชมพู่ก็อยู่ที่บ้าน และตนก็เชื่อว่าคดีนี้ต้องมีคนร้ายเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งน้องชมพู่ไม่ได้เดินไปเสียชีวิตเอง และตนคิดว่าตำรวจก็เชื่อว่าต้องมีคนร้าย
ภาพจาก PPTV
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว